หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] รีวิว "Chim Ramen And Diner" ร้านราเมน-อิซากายะเสิร์ฟเมนูสไตล์เอเชียฟิวชั่น อยู่ภายในซอยสุขุมวิท 33~
กระทู้รีวิว
อาหารฟิวชั่น
ราเม็ง
ร้านอาหาร
อาหาร
อาหารนานาชาติ
ถ้าพูดถึงร้านนั่งดื่มชิลล์ๆสไตล์ Izakaya หลายๆคนมักจะคิดว่ามีแค่อาหารญี่ปุ่น แต่วันนี้เพื่อนๆผมนัดชวนกันพามาเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ร้านแห่งนึงอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 33 นั่นก็คือ "Chim Ramen And Diner" คะแนนรีวิวจากทุกสำนักไม่ธรรมดาอยู่ที่ 4.2-4.6 เต็ม 5 ดาว เป็นร้านขายราเมนสไตล์เอเชียฟิวชั่นที่มีอาหารจานหลักและกับแกล้มเครื่องดื่มในบรรยากาศแบบบาร์สุดหรู อีกทั้งยังได้รางวัล "Wongnai User Choice" การันตีความอร่อยทั้งที่เพิ่งเปิดให้บริการมาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นแสดงว่าต้องเด็ดอย่างแน่นอน วิธีการเดินทางหากขับรถยนต์ส่วนตัวมาเองให้ปักหมุดค้นหาชื่อในแผนที่บนมือถือแล้วจอดด้านหน้าร้านได้เลยสะดวกสุดๆ แต่ถ้าหากเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะแนะนำให้ลง BTS สถานีอโศก หรือ MRT สถานีสุขุมวิท เดินออกประตูทางเข้าหน้าห้าง Terminal 21 จากนั้นเรียกแท็กซี่มาที่ร้านประมาณ 1.5 กิโลเมตร แต่ถ้าคุณเป็นคนขยันเดินหน่อยให้ลง BTS สถานีพร้อมพงศ์แล้วออกฝั่งห้าง Emquartier แล้วเริ่มขยับร่างกายจนถึงจุดหมายอีกประมาณ 800 เมตร ทางเข้าถือได้ว่าเป็นร้านลับเพราะอยู่ในซอยเล็กๆชั้น 1 ของอาคาร AP Suites แต่มีป้ายชื่อพร้อมลูกศรบอกพิกัดอยู่ทางขวามือเมื่อตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 33 เป็นห้องกระจกสีดำและป้ายไฟวงกลมสีเขียวเข้มตัวอักษรสีแดงแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้วครับ
มองจากประตูหน้าร้านเผินๆแล้วดูเหมือนเป็นร้านอาหารที่ไม่ค่อยน่าสนใจแต่พอเปิดประตูเข้ามาแล้วบอกได้เลยว่าราวกับคนละโลก เริ่มจากสีหลักที่ทางร้านใช้ปูพื้นเป็นกระเบื้องยางลายหินอ่อนสีดำมีประกายเล็กน้อยเมื่อต้องกับแสงไฟตัดกับผนังกระเบื้องและทาด้วยสีเขียวเข้ม และ 2 ใน 4 ของมุมทั้งหมดภายในก็ร้านใช้กระจกบานใหญ่พิเศษช่วยเปิดรับแสงจากธรรมชาติให้สอดส่องเข้ามาอย่างทั่วถึง ส่วนเฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้ใช้สีแดงฉูดฉาดตัดกับโต๊ะไม้โทนสีเข้มยกเว้นมุมตรงหน้าต่างที่ใช้โต๊ะสีอ่อนให้ดูสว่างสวยงามกว่าจุดอื่น เพิ่มความเป็นเอเชียด้วยโหลใส่ของหมักและกำแพงที่เต็มไปด้วยหนังสือพิมพ์จีนกับป้ายไฟนีออนสีแดง เขียนคำว่า "Experimental Culture Dining" ที่แปลว่า "การรับประทานอาหารเชิงวัฒนธรรมทดลอง" ให้จำเอาไว้ก่อนเดี๋ยวเราจะมาอธิบายให้ฟัง ส่วนฝ้าก็ปูด้วยสีดำให้ความอบอุ่นอีกนิดโดยใช้ไฟสีส้มมองผ่านๆคล้ายกับท้องฟ้าที่มีแสงดาวประกายตอนกลางคืน ส่วนตัวชอบมากเพราะดูทางร้านได้จัดโทนสี-แสงให้สวยงามหรูหราลงตัวได้ในพื้นที่จำกัดและไม่รู้สึกอึดอัดแบบบาร์อื่นๆเลยครับผม
เมื่อเรามานั่งที่โต๊ะทางร้านก็จะนำเล่มเมนูเป็น QR Code ออกมาให้เราสแกนและสั่งอาหารกับพนักงาน สำหรับรายการเครื่องดื่มมีเป็นใบเล็กๆ 3 หมวดหลักคือ 1. น้ำอัดลม ที่ไม่ใช่แค่น้ำหวานอัดแก๊สปกติเพราะมีให้สั่งทั้งคอมบูฉะสูตรหมักเองของทางร้าน/ชาอู่หลงผสมเก็กฮวย-มะลิ/ชาร้อนและม๊อกเทลถูกจัดอยู่ในหน้านี้ ราคาเริ่มต้นที่ 30-150 บาท 2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีให้สั่งทั้ง Whiskey/ Gin/ Single Malt/ Rum/ Tequila/ Vodka/ Beer และ Umechu ให้เลือกหลากหลายยี่ห้อราคาเริ่มต้นที่ 100- 1,800 บาท 3. Cocktail มีให้สั่ง 7 สูตรทั้งแบบทางร้านคิดค้นขึ้นมาเองและพื้นฐานแบบเดียวกับที่เสิร์ฟในร้านอื่นๆ ซึ่งวันนี้ผมมากับกลุ่มเพื่อนๆไม่ดื่มเลยขอข้ามไปครับ
ส่วนตัวไม่เคยทานร้านนี้มาก่อนเลยสอบถามกับพนักงานว่ามีเมนูไหนแนะนำบ้างเพราะสั่งไม่ถูกจริงๆ โดยแต่ละจานมีความน่าสนใจในตัวเองค่อนข้างสูงและคงหาไม่ได้จากร้านอื่น เริ่มที่ออเดิร์ฟจานแรกก็คือ "หอยนางรมแช่ซีอิ๊วมะกรูด" ราคา 120 บาท เป็นหอยนางรมสดเนื้อขาวอวบเอาไปแช่ในซอสซีอิ๊วสูตรพิเศษที่ทางร้านทำขึ้นมาเอง ลอยหน้าด้วยน้ำมันสกัดเย็นจากมะกรูดมีกลิ่นหอมฟุ้งตีขึ้นจมูกโรยหน้าด้วยต้นหอมและงาขาว 1 จานเสิร์ฟ 3 ตัว คีบเข้าปากสัมผัสแรกที่รู้สึกได้เลยคือความเย็นนุ่มนวลกัดแล้วเนื้อหอยเป็นครีมละลายในปาก ซีอิ๊วรสเค็มอมหวานผสมกับความสดชื่นของมะกรูดคือดีงามมากหรือจะเพิ่มความเผ็ดแซ่บด้วยวาซาบิดองที่เคียงวางมาข้างจานก็อร่อยจี๊ดไปอีกแบบ สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่จานแรกเลยครับ เมนูต่อไปเรามักจะเห็นถูกเสิร์ฟแค่ในร้านอาหารจีนก็คือ "ลูกชิ้นหมูสับปลาเค็มย่าง" ราคา 60 บาท (สั่งมาให้เพื่อนที่ไม่ทานของดิบ) เป็นหมูสับหยาบๆผสมเนื้อ-หนังปลาเค็มทำเองสูตรของทางร้านที่มีกลิ่นหอมรุนแรงแต่รสชาติไม่เค็มจัดเหมือนกลิ่นที่ได้รับ ย่างมากรอบนอกสีเหลืองทองด้านในชุ่มฉ่ำทานเคียงกับพริกสด/หอมแดง/ยอดผักชีและบีบน้ำมะนาวสดลงไปหน่อย อร่อยจี๊ดจ๊าดครบเครื่องดีมากครับผม
จานต่อมาเป็นอีกเมนูที่สุ่มเสิร์ฟว่าจะได้ทานอะไรนั่นก็คือ "ปลาไทยตามใจคนจับดอง" ราคา 180 บาท วันนี้เราได้ทานเป็นปลาเนื้อขาวสัมผัสแน่นไขมันน้อยที่ชื่อว่า "ปลาแดงแซว" หรือ "ปลาแดงหาบ่วง" ที่เชฟได้เอามาจากชาวประมงสดๆมาดองสูตรของที่ร้าน ถ้าหลับตาแล้วเคี้ยวให้สัมผัสเหมือนกำลังทานแฮมขาหมูจีนไม่มีรสเปรี้ยวจัดอย่างที่จินตนาการเอาไว้ตอนแรก ด้วยความที่เป็นเนื้อปลาจึงให้ความสดชื่นกินง่ายไม่ค่อยเลี่ยนนักหากต้องการเพิ่มความจี๊ดจ๊าดอีกนิดที่ข้างจานมีวาซาบิดองเนื้อกรุบกรอบกลิ่นฉุนตีขึ้นจมูกอยู่ช่วยเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี จานต่อไปก็ส่งมาให้เพื่อนที่ไม่ทานของดิบนั่นก็คือ "ข้าวโพดอ่อนดองและพาเมซานชีส" ราคา 50 บาท เป็นข้าวโพดอ่อนหั่นยาวเอามาดองให้เนื้อนุ่มรสเปรี้ยวอมหวานอ่อนๆ เพิ่มความเค็ม-มันอร่อยนัวด้วยผงชูรสฝรั่งนั่นก็คือพาเมซานชีสขูดแต่งให้สวยงามด้วยผงปาปริก้าและต้นหอม ดูหน้าตาธรรมดาๆแต่บอกได้เลยว่าทานแล้วเบรคแตกแปปเดียวหมดจานครับ
เมนูต่อไปเป็นอาหารเอเชียฟิวชั่นที่เอามารวมด้วยกันถึง 3 สัญชาติในจานเดียวนั่นก็คือ "โฮมเมดชีสอินเดียซอสทรัฟเฟิล" ราคา 185 บาท เป็นชีสอินเดียที่เชฟทำขึ้นเองเนื้อแน่นเนียนละเอียดเอาไปย่างให้สีสวยงามเรียงกัน 8 ชิ้นใหญ่ ล้อมรอบด้วยซอสสูตรพิเศษรสชาติคล้ายน้ำปลาหวานไทยแต่ไม่มีกลิ่นเฉพาะตัวเพราะถูกแปลี่ยนเป็นทรัฟเฟิลแทน เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแตงกวาญี่ปุ่น/มะเขือเทศ/แรร์ดิชสไลด์บางและโรยหอมเจียวลงไปแบบจุกๆ เพิ่มสีสันให้สวยงามด้วยต้นหอม/ยอดผักชีและงาขาว รสชาติก็เหมือนกับเอาชีสอินเดียที่มีความจืดแต่หอมมันนัวๆไปทานกับน้ำปลาหวานกลิ่นทรัฟเฟิลรสเค็มกำลังดีซึ่งถือว่าแปลกใหม่และทำได้ลงตัวมากๆครับ จานต่อไปถ้าเมาแล้วได้มากินรับรองว่าสร่างเลยก็คือ "สลัดผักไทยพื้นบ้านใบฉุนคลุกน้ำสลัดแจ่วแซ่บ" ราคา 85 บาทประกอบไปด้วยสมุนไพรที่มีกลิ่นรุนแรงมากมายทั้ง ใบโหระพา/ผักชีใบเลื่อย/ผักชีลาว/ผักชีไทย/ตะไคร้ซอยและหอมแดงคลุกกับน้ำซอสแจ่วรสชาติเปรี้ยวเผ็ดอมหวานเค็มกำลังดีกรุบกรอบข้าวคั่วโรยหน้าด้วยงาขาว ลองไปคำเดียวบอกได้เลยว่ามาทั้งกลิ่น/ความแซ่บและสัมผัสกรอบสดชื่นของผักและสมุนไพรที่ใส่ลงไปแบบจัดเต็มแตกต่างจากหน้าตาตอนเสิร์ฟมากๆครับ
มากินร้านราเมนแบบนี้ก็ลองสั่งมาชิมคนละชามเป็น "Chim's Ramen - River Prawn" ราคา 335 บาท ให้ปริมาณแทบล้นชาม เป็นน้ำซุปมิโสะมันกุ้งเข้มข้นสูตรที่เชฟทำเองจึงมีกลิ่นหอมรุนแรงราวกับซุปครีมล๊อปสเตอร์แต่สัมผัลไม่ข้นจึงไหลลื่นลงคออย่างง่ายดาย เส้นราเมนที่ใช้ในชามนี้เป็นแบบโฮมเมดเส้นใหญ่เหนียวนุ่มระดับกลางเข้ากับน้ำซุปสูตรเข้มข้นของทางร้านได้เป็นอย่างดี ตกแต่งหน้าตาให้อลังการด้วยท๊อบปิ้งต่างๆทั้ง เมล็ดข้าวโพดหวาน/เบบี้บ๊อกฉ่อย/ยอดผักชี/ต้นหอมซอย/ไข่ต้มดองซีอิ๊วรสหวานนำเค็มไข่แดงหอมมัน-เนื้อไข่ขาวเหนียวหนึบสู้ฟันและกุ้งแม่น้ำผ่ากลางเหยียดตัวให้ตรงที่เดาว่าน่าจะเอาไปทอดเนื้อเด้งกรอบมีมันสีส้มสดเต็มตัวกุ้งคุณภาพสูง กินไปสักพักเพิ่งสังเกตว่าในน้ำซุปมีหมูสับชิ้นเล็กๆผสมอยู่และจะค่อยๆเลี่ยนไขมันกุ้งทางร้านจึงเสิร์ฟมาคู่กับ "มิโสะรสเผ็ด" หรือ "คาเระมิโสะ" ขอเตือนก่อนเลยว่าให้ใส่ทีละนิดหน่อยช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อนแสบลิ้นตัดความมันเลี่ยนได้ดีมาก เท่ากับว่าสั่งมาชามเดียวได้ทานถึง 2 รสชาติ แถมยังอร่อย/ใช้วัตถุดิบชั้นดีและให้ปริมาณเยอะสุดคุ้มชอบมากครับ
ส่วนใครที่เป็นสายเนื้อวัวและไม่ชอบทานซุปมิโสะเลี่ยนๆแนะนำให้สั่งชามนี้คือ "Dry Beef Tongue Ramen" ราคา 365 บาท เป็นราเมนแห้งที่ใช้เส้นแบบเดียวกับชามที่แล้วท๊อบปิ้งด้วยเครื่องและผักต่างๆคล้ายกันแค่เพิ่มหอมเจียวและเปลี่ยนเป็นลิ้นวัวตุ๋นแทน โดยความอร่อยหลักของเมนูนี้อยู่ตรงลิ้นวัวหั่นเต๋าชิ้นใหญ่ทางร้านเลือกใช้ทั้งส่วนโคนจนถึงกลางลิ้นเอามาตุ๋นจนนุ่มมีรสชาติของซอสกับเครื่องเทศเข้มข้นซึมเข้าเนื้อทุกอนูและนุ่มนิ่มจนไม่เหลือความกรุบกรอบสู้กรามเล็กน้อยเวลาเคี้ยวตามธรรมชาติของลิ้นวัว เราคิดว่าแรงบันดาลใจของเมนูนี้นั่นคือ "บะหมี่หน้าหมูหวานสไตล์จีน" ที่ถูกเอามาเล่าเรื่องใหม่ตามแบบฉบับของทางร้าน ลิ้นวัวตุ๋นนุ่มๆรสเข้มข้นกินคู่กับเส้นราเมนเหนียวหนึบและผักรสหวานอ่อนๆเพิ่มความกลิ่นหอม-กรุบกรอบด้วยหอมแดงเจียว เสิร์ฟมาพร้อมกับมิโสะซุปลอยด้วยใบโหระพาร้อนๆซดแล้วสดชื่นคล่องคอไม่เหมือนใคร ถือว่าเป็นราเมนที่สายเนื้อวัวตัวจริงไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ
******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:
Chim Ramen And Diner สุขุมวิท 33
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
“ต้มยำเห็ดใบกะเพรา” 🍄🍄ฉุนร้อนเปรี้ยวเผ็ด ใช้แค่เห็ดโคนกับเห็ดฟาง มื้อนี้มังสวิรัติครับ ซดร้อนๆ สะใจมาก✌️🤤😋😃😄😁🥣
“ต้มยำเห็ดใบกะเพรา”🍄🍄 ฉุนร้อนเปรี้ยวเผ็ด ใช้แค่เห็ดโคนกับเห็ดฟาง มื้อนี้มังสวิรัติครับ ซดร้อนๆ สะใจมาก✌️🤤😋😃😄😁🥣 กท. นี้ ขอเป็นมังสวิรัติครับ ฝนตกตลอดเลย อากาศเย็นๆ ซด “ต้มยำเห็ด
กานต์(วีระพัฒน์)
อร่อย ไวป์ดี ไวน์เลิศ ปักหมุดตามมาได้ PEPE Bangkok
PEPE BANGKOK จะนัดแฮงก์เอาท์กับเพื่อน หรือเดทกับหวานใจ ก็มาร้านนี้ได้เลย อาหารโมเดิร์นฟิลชันที่ทั้งอร่อย ไวป์ดี ไวน์เลิศ เหมาะกับการดินเนอร์แบบสุดๆ อยากมีมุมส่วนตัวก็มีห้องไพรเวทรับรอง อังคาร-เสาร์ ก็
มิกิชวนกิน
เมนูด่วนทันใจ สปาเก็ตตี้เมนไทโกะ ร้อนๆ
วันหยุดฝนตก ผมก็ทำงานสวนอยู่ ไม่ว่างออกไปกินข้าวข้างนอกครับ จนบ่าย แฟนจัดเมนูเร่งด่วนให้ อิ่มอร่อยง่ายๆ สปาเก็ตตี้ เมนไทโกะ เมนไทโกะ เป็นไข่ปลาพอลล็อก หรือนิยมเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า ทาราโกะ
สมาชิกหมายเลข 4755513
เปิดประสบการณ์ ทาน Sunday Brunch บุฟเฟ่ต์อาหารอินเดีย Michelin 6 ปีซ้อน กันที่ Punjab Grill Bangkok
สวัสดีค่ะวันนี้พามาเปิดประสบการณ์ ทาน Sunday Brunch บุฟเฟ่ต์อาหารอินเดีย Michelin 6 ปีซ้อน กันที่ Punjab Grill ที่ช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษตลอดเดือนตุลาคม Sunday Brunch มา 4 จ่าย 3 ท่ามกลางบรรยากาศหรูหร
พี่ผัก
ข้าวยำส้มโอ
ข้าวยำส้มโอ มีเครื่องหลายอย่างดี ดูน่าเร้าใจ ข้าวหุงอัญชัน สีสวยงาม มีผักรายล้อม ส้มโอเนื้อเต่ง ๆ เปรี้ยวอมหวาน เคยกินที่แดนใต้ ไม่มีผักชีแบบนี้นะ แค่ร้านนี้มี ก็แปลก ๆ ดี น้ำยำ กลิ่นน้ำบูดูหอมดี เคี
deauny
กินอะไรดีที่อินโดนีเซีย (รวบรวมอาหารจากทริปหนึ่งเดือนบนเกาะชวา)
จากการไปฉายเดี่ยวแบ็คแพ็คเที่ยวบนเกาะชวามาหนึ่งเดือน หากไม่พูดถึงอาหารของที่นี่ก็ไม่ได้ จากการสังเกตอาหารหลายๆเมนูในอินโดนีเซียมักมีรสเผ็ดจากซอสพริก Sambal และ 'มัน' ค่อนข้างเยอะ เพื่อนดิฉันที่มาฝึกง
สมาชิกหมายเลข 8706631
โคอาล่าพาชิม : หมาล่าหม้อไฟต้นตำหรับจากฉงชิ่ง (ศรีราชา)
วันนี้โคอาล่าจะพาไปทานร้านหมาล่าหม้อไฟ กับร้านที่มีชื่อว่า "ปังปัง ฉงชิ่ง หม้อไฟ" รูปค่อนข้างเยอะ สั่งแบบจัดหนักจัดเต็ม และช่วงนี้ทางร้านมีโปรโมชั่น แชร์หรือรีวิวร้านมีสิทธิหมุนวงล้อ รับส่วน
สมาชิกหมายเลข 1209107
BufFeast Review : ร้านปิ้งย่างญี่ปุ่นควบปลาไทยดิบ "Ichi Yakiniku"@ถ.ศาลาธรรมสพน์
ผมเฝ้าติดตามบุฟเฟ่ต์ร้านหนึ่งมานาน ชื่อว่า Ichi Yakiniku เป็นร้านสไตล์ปิ้งย่างญี่ปุ่นควบปลาดิบ ซึ่งมีเมนูพิเศษที่ทำให้ผมสนใจ นั่นคือ ซาซิมิปลาไทย แต่ด้วยความที่ร้านอยู่ไกล แถวๆ ม.มหิดลเลย จึงต้องรอจน
TheHeatBufFeast
บอสพาชิม: ศรีตราด - อาหารไทยแสนละมุนจากชายฝั่งตะวันออก
บอสพาชิม: ศรีตราด - อาหารไทยแสนละมุนจากชายฝั่งตะวันออก รีวิวในวันนี้เราจะพาไปพบกับร้านอาหารไทยที่ผมว่ามีอัตลักษณ์น่าสนใจเลยครับ ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 33 ไม่ห่างจากห้างเอ็มควอ
EatLikeTheBOSS
บอสพาชิม: VIVIN Asok: Café Grocery Bistro – French Bistro ต้องมนต์วัตถุดิบไทย (Bangkok, Thailand)
บอสพาชิม: VIVIN Asok: Café Grocery Bistro – French Bistro ต้องมนต์วัตถุดิบไทย (Bangkok, Thailand) VIVIN Asok: Café Grocery Bistro เป็นการผสมผสานระหว่างร้านขายของชำ (Grocery) และ
EatLikeTheBOSS
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อาหารฟิวชั่น
ราเม็ง
ร้านอาหาร
อาหาร
อาหารนานาชาติ
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 1
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] รีวิว "Chim Ramen And Diner" ร้านราเมน-อิซากายะเสิร์ฟเมนูสไตล์เอเชียฟิวชั่น อยู่ภายในซอยสุขุมวิท 33~
มองจากประตูหน้าร้านเผินๆแล้วดูเหมือนเป็นร้านอาหารที่ไม่ค่อยน่าสนใจแต่พอเปิดประตูเข้ามาแล้วบอกได้เลยว่าราวกับคนละโลก เริ่มจากสีหลักที่ทางร้านใช้ปูพื้นเป็นกระเบื้องยางลายหินอ่อนสีดำมีประกายเล็กน้อยเมื่อต้องกับแสงไฟตัดกับผนังกระเบื้องและทาด้วยสีเขียวเข้ม และ 2 ใน 4 ของมุมทั้งหมดภายในก็ร้านใช้กระจกบานใหญ่พิเศษช่วยเปิดรับแสงจากธรรมชาติให้สอดส่องเข้ามาอย่างทั่วถึง ส่วนเฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้ใช้สีแดงฉูดฉาดตัดกับโต๊ะไม้โทนสีเข้มยกเว้นมุมตรงหน้าต่างที่ใช้โต๊ะสีอ่อนให้ดูสว่างสวยงามกว่าจุดอื่น เพิ่มความเป็นเอเชียด้วยโหลใส่ของหมักและกำแพงที่เต็มไปด้วยหนังสือพิมพ์จีนกับป้ายไฟนีออนสีแดง เขียนคำว่า "Experimental Culture Dining" ที่แปลว่า "การรับประทานอาหารเชิงวัฒนธรรมทดลอง" ให้จำเอาไว้ก่อนเดี๋ยวเราจะมาอธิบายให้ฟัง ส่วนฝ้าก็ปูด้วยสีดำให้ความอบอุ่นอีกนิดโดยใช้ไฟสีส้มมองผ่านๆคล้ายกับท้องฟ้าที่มีแสงดาวประกายตอนกลางคืน ส่วนตัวชอบมากเพราะดูทางร้านได้จัดโทนสี-แสงให้สวยงามหรูหราลงตัวได้ในพื้นที่จำกัดและไม่รู้สึกอึดอัดแบบบาร์อื่นๆเลยครับผม
เมื่อเรามานั่งที่โต๊ะทางร้านก็จะนำเล่มเมนูเป็น QR Code ออกมาให้เราสแกนและสั่งอาหารกับพนักงาน สำหรับรายการเครื่องดื่มมีเป็นใบเล็กๆ 3 หมวดหลักคือ 1. น้ำอัดลม ที่ไม่ใช่แค่น้ำหวานอัดแก๊สปกติเพราะมีให้สั่งทั้งคอมบูฉะสูตรหมักเองของทางร้าน/ชาอู่หลงผสมเก็กฮวย-มะลิ/ชาร้อนและม๊อกเทลถูกจัดอยู่ในหน้านี้ ราคาเริ่มต้นที่ 30-150 บาท 2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีให้สั่งทั้ง Whiskey/ Gin/ Single Malt/ Rum/ Tequila/ Vodka/ Beer และ Umechu ให้เลือกหลากหลายยี่ห้อราคาเริ่มต้นที่ 100- 1,800 บาท 3. Cocktail มีให้สั่ง 7 สูตรทั้งแบบทางร้านคิดค้นขึ้นมาเองและพื้นฐานแบบเดียวกับที่เสิร์ฟในร้านอื่นๆ ซึ่งวันนี้ผมมากับกลุ่มเพื่อนๆไม่ดื่มเลยขอข้ามไปครับ
ส่วนตัวไม่เคยทานร้านนี้มาก่อนเลยสอบถามกับพนักงานว่ามีเมนูไหนแนะนำบ้างเพราะสั่งไม่ถูกจริงๆ โดยแต่ละจานมีความน่าสนใจในตัวเองค่อนข้างสูงและคงหาไม่ได้จากร้านอื่น เริ่มที่ออเดิร์ฟจานแรกก็คือ "หอยนางรมแช่ซีอิ๊วมะกรูด" ราคา 120 บาท เป็นหอยนางรมสดเนื้อขาวอวบเอาไปแช่ในซอสซีอิ๊วสูตรพิเศษที่ทางร้านทำขึ้นมาเอง ลอยหน้าด้วยน้ำมันสกัดเย็นจากมะกรูดมีกลิ่นหอมฟุ้งตีขึ้นจมูกโรยหน้าด้วยต้นหอมและงาขาว 1 จานเสิร์ฟ 3 ตัว คีบเข้าปากสัมผัสแรกที่รู้สึกได้เลยคือความเย็นนุ่มนวลกัดแล้วเนื้อหอยเป็นครีมละลายในปาก ซีอิ๊วรสเค็มอมหวานผสมกับความสดชื่นของมะกรูดคือดีงามมากหรือจะเพิ่มความเผ็ดแซ่บด้วยวาซาบิดองที่เคียงวางมาข้างจานก็อร่อยจี๊ดไปอีกแบบ สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่จานแรกเลยครับ เมนูต่อไปเรามักจะเห็นถูกเสิร์ฟแค่ในร้านอาหารจีนก็คือ "ลูกชิ้นหมูสับปลาเค็มย่าง" ราคา 60 บาท (สั่งมาให้เพื่อนที่ไม่ทานของดิบ) เป็นหมูสับหยาบๆผสมเนื้อ-หนังปลาเค็มทำเองสูตรของทางร้านที่มีกลิ่นหอมรุนแรงแต่รสชาติไม่เค็มจัดเหมือนกลิ่นที่ได้รับ ย่างมากรอบนอกสีเหลืองทองด้านในชุ่มฉ่ำทานเคียงกับพริกสด/หอมแดง/ยอดผักชีและบีบน้ำมะนาวสดลงไปหน่อย อร่อยจี๊ดจ๊าดครบเครื่องดีมากครับผม
จานต่อมาเป็นอีกเมนูที่สุ่มเสิร์ฟว่าจะได้ทานอะไรนั่นก็คือ "ปลาไทยตามใจคนจับดอง" ราคา 180 บาท วันนี้เราได้ทานเป็นปลาเนื้อขาวสัมผัสแน่นไขมันน้อยที่ชื่อว่า "ปลาแดงแซว" หรือ "ปลาแดงหาบ่วง" ที่เชฟได้เอามาจากชาวประมงสดๆมาดองสูตรของที่ร้าน ถ้าหลับตาแล้วเคี้ยวให้สัมผัสเหมือนกำลังทานแฮมขาหมูจีนไม่มีรสเปรี้ยวจัดอย่างที่จินตนาการเอาไว้ตอนแรก ด้วยความที่เป็นเนื้อปลาจึงให้ความสดชื่นกินง่ายไม่ค่อยเลี่ยนนักหากต้องการเพิ่มความจี๊ดจ๊าดอีกนิดที่ข้างจานมีวาซาบิดองเนื้อกรุบกรอบกลิ่นฉุนตีขึ้นจมูกอยู่ช่วยเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี จานต่อไปก็ส่งมาให้เพื่อนที่ไม่ทานของดิบนั่นก็คือ "ข้าวโพดอ่อนดองและพาเมซานชีส" ราคา 50 บาท เป็นข้าวโพดอ่อนหั่นยาวเอามาดองให้เนื้อนุ่มรสเปรี้ยวอมหวานอ่อนๆ เพิ่มความเค็ม-มันอร่อยนัวด้วยผงชูรสฝรั่งนั่นก็คือพาเมซานชีสขูดแต่งให้สวยงามด้วยผงปาปริก้าและต้นหอม ดูหน้าตาธรรมดาๆแต่บอกได้เลยว่าทานแล้วเบรคแตกแปปเดียวหมดจานครับ
เมนูต่อไปเป็นอาหารเอเชียฟิวชั่นที่เอามารวมด้วยกันถึง 3 สัญชาติในจานเดียวนั่นก็คือ "โฮมเมดชีสอินเดียซอสทรัฟเฟิล" ราคา 185 บาท เป็นชีสอินเดียที่เชฟทำขึ้นเองเนื้อแน่นเนียนละเอียดเอาไปย่างให้สีสวยงามเรียงกัน 8 ชิ้นใหญ่ ล้อมรอบด้วยซอสสูตรพิเศษรสชาติคล้ายน้ำปลาหวานไทยแต่ไม่มีกลิ่นเฉพาะตัวเพราะถูกแปลี่ยนเป็นทรัฟเฟิลแทน เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแตงกวาญี่ปุ่น/มะเขือเทศ/แรร์ดิชสไลด์บางและโรยหอมเจียวลงไปแบบจุกๆ เพิ่มสีสันให้สวยงามด้วยต้นหอม/ยอดผักชีและงาขาว รสชาติก็เหมือนกับเอาชีสอินเดียที่มีความจืดแต่หอมมันนัวๆไปทานกับน้ำปลาหวานกลิ่นทรัฟเฟิลรสเค็มกำลังดีซึ่งถือว่าแปลกใหม่และทำได้ลงตัวมากๆครับ จานต่อไปถ้าเมาแล้วได้มากินรับรองว่าสร่างเลยก็คือ "สลัดผักไทยพื้นบ้านใบฉุนคลุกน้ำสลัดแจ่วแซ่บ" ราคา 85 บาทประกอบไปด้วยสมุนไพรที่มีกลิ่นรุนแรงมากมายทั้ง ใบโหระพา/ผักชีใบเลื่อย/ผักชีลาว/ผักชีไทย/ตะไคร้ซอยและหอมแดงคลุกกับน้ำซอสแจ่วรสชาติเปรี้ยวเผ็ดอมหวานเค็มกำลังดีกรุบกรอบข้าวคั่วโรยหน้าด้วยงาขาว ลองไปคำเดียวบอกได้เลยว่ามาทั้งกลิ่น/ความแซ่บและสัมผัสกรอบสดชื่นของผักและสมุนไพรที่ใส่ลงไปแบบจัดเต็มแตกต่างจากหน้าตาตอนเสิร์ฟมากๆครับ
มากินร้านราเมนแบบนี้ก็ลองสั่งมาชิมคนละชามเป็น "Chim's Ramen - River Prawn" ราคา 335 บาท ให้ปริมาณแทบล้นชาม เป็นน้ำซุปมิโสะมันกุ้งเข้มข้นสูตรที่เชฟทำเองจึงมีกลิ่นหอมรุนแรงราวกับซุปครีมล๊อปสเตอร์แต่สัมผัลไม่ข้นจึงไหลลื่นลงคออย่างง่ายดาย เส้นราเมนที่ใช้ในชามนี้เป็นแบบโฮมเมดเส้นใหญ่เหนียวนุ่มระดับกลางเข้ากับน้ำซุปสูตรเข้มข้นของทางร้านได้เป็นอย่างดี ตกแต่งหน้าตาให้อลังการด้วยท๊อบปิ้งต่างๆทั้ง เมล็ดข้าวโพดหวาน/เบบี้บ๊อกฉ่อย/ยอดผักชี/ต้นหอมซอย/ไข่ต้มดองซีอิ๊วรสหวานนำเค็มไข่แดงหอมมัน-เนื้อไข่ขาวเหนียวหนึบสู้ฟันและกุ้งแม่น้ำผ่ากลางเหยียดตัวให้ตรงที่เดาว่าน่าจะเอาไปทอดเนื้อเด้งกรอบมีมันสีส้มสดเต็มตัวกุ้งคุณภาพสูง กินไปสักพักเพิ่งสังเกตว่าในน้ำซุปมีหมูสับชิ้นเล็กๆผสมอยู่และจะค่อยๆเลี่ยนไขมันกุ้งทางร้านจึงเสิร์ฟมาคู่กับ "มิโสะรสเผ็ด" หรือ "คาเระมิโสะ" ขอเตือนก่อนเลยว่าให้ใส่ทีละนิดหน่อยช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อนแสบลิ้นตัดความมันเลี่ยนได้ดีมาก เท่ากับว่าสั่งมาชามเดียวได้ทานถึง 2 รสชาติ แถมยังอร่อย/ใช้วัตถุดิบชั้นดีและให้ปริมาณเยอะสุดคุ้มชอบมากครับ
ส่วนใครที่เป็นสายเนื้อวัวและไม่ชอบทานซุปมิโสะเลี่ยนๆแนะนำให้สั่งชามนี้คือ "Dry Beef Tongue Ramen" ราคา 365 บาท เป็นราเมนแห้งที่ใช้เส้นแบบเดียวกับชามที่แล้วท๊อบปิ้งด้วยเครื่องและผักต่างๆคล้ายกันแค่เพิ่มหอมเจียวและเปลี่ยนเป็นลิ้นวัวตุ๋นแทน โดยความอร่อยหลักของเมนูนี้อยู่ตรงลิ้นวัวหั่นเต๋าชิ้นใหญ่ทางร้านเลือกใช้ทั้งส่วนโคนจนถึงกลางลิ้นเอามาตุ๋นจนนุ่มมีรสชาติของซอสกับเครื่องเทศเข้มข้นซึมเข้าเนื้อทุกอนูและนุ่มนิ่มจนไม่เหลือความกรุบกรอบสู้กรามเล็กน้อยเวลาเคี้ยวตามธรรมชาติของลิ้นวัว เราคิดว่าแรงบันดาลใจของเมนูนี้นั่นคือ "บะหมี่หน้าหมูหวานสไตล์จีน" ที่ถูกเอามาเล่าเรื่องใหม่ตามแบบฉบับของทางร้าน ลิ้นวัวตุ๋นนุ่มๆรสเข้มข้นกินคู่กับเส้นราเมนเหนียวหนึบและผักรสหวานอ่อนๆเพิ่มความกลิ่นหอม-กรุบกรอบด้วยหอมแดงเจียว เสิร์ฟมาพร้อมกับมิโสะซุปลอยด้วยใบโหระพาร้อนๆซดแล้วสดชื่นคล่องคอไม่เหมือนใคร ถือว่าเป็นราเมนที่สายเนื้อวัวตัวจริงไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น